วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การแต่งกายของประเทศสมาชิกอาเซียนและผลกระทบด้านวัฒนธรรมการแต่งกายในประเทศไทย


การแต่งกายของประเทศสมาชิกอาเซียน
การแต่งกายของบรูไน
                                   
       สำหรับชุดของผู้ชาย เรียกว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) ส่วนของชุดผู้หญิงเรียกว่า บาจูกุรัง (Baja Kurung) คล้ายกับชุดประจำชาติของประเทศมาเลเซีย ผู้หญิงบรูไนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสโดยมากมักจะเป็นเสื้อผ้าที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ส่วนผู้ชายจะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงหัวเข่า นุ่งกางเกงขายาวแล้วนุ่งโสร่ง
การแต่งกายของกัมพูชา
                                   
       ซัมปอต (Sampot) เป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของประเทศกัมพูชา สำหรับชุดผู้หญิง ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย มีหลายหลายรูปแบบ สำหรับผู้ชายนั้นมักสวมใส่เสื้อที่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายทั้งแขนสั้นและแขนยาว พร้อมทั้งสวมกางเกงขายาว
การแต่งกายของอินโดนีเซีย
                                   
       เคบาย่า (Kebaya) เป็นชุดประจำชาติของประเทศอินโดนีเซียสำหรับผู้หญิง มีลักษณะเป็นเสื้อแขนยาวผ่าหน้า กลัดกระดุม ตัวเสื้อจะมีสีสันสดใส ปักฉลุเป็นลายลูกไม้ ส่วนผ้าถุงที่ใช้จะเป็นผ้าถุงแบบบาติกสำหรับการแต่งกายของผู้ชายมักจะสวมใส่เสื้อแบบบาติกและนุ่งกางเกงขายาว และนุ่งโสร่งเมื่ออยู่บ้านหรือประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิด
การแต่งกายของลาว
                                    
       ผู้หญิงลาวจะนุ่งผ้าซิ่น และเสื้อแขนยาวทรงกระบอก สำหรับผู้ชายมักแต่งกายแบบสากลหรือนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อชั้นนอกกระดุกเจ็ดเม็ดคล้ายเสื้อพระราชทานของไทย
การแต่งกายของมาเลเซีย
                                  
       สำหรับชุดของผู้ชาย เรียกว่า บาจู มลายู (Beju Melayu) ประกอบด้วยเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่ทำจากผ้าไหม ผ้าฝ้ายหรือโพลีเอสเตอร์ที่มีส่วนผสมของผ้าฝ้าย สำหรับชุดของผู้หญิง เรียนกว่า บาจูกุรุง (Baja Kurung) ประกอบด้วยเสื้อคลุมแขนยาวและกระโปรงยาว
การแต่งกายของฟิลิปปินส์
                                    
       ผู้ชายจะนุ่งกางเกงขายาวและสวมเสื้อที่เรียกว่า บารองตากาล็อก ซึ่งตัดเย็บด้วยผ้าใยสัปปะรด มีบ่า คอตั้ง แขนยาว ที่ปลายแขนเสื้อที่ข้อมือจะปักลวดลาย ส่วนผู้หญิงนุ่งกระโปรงยาว ใส่เสื้อแขนสั้นจับจีบยกตั้งขึ้นเหนือไหล่คล้ายปีกผีเสื้อ เรียกว่า บาลินตาวัก
การแต่งกายของสิงคโปร์
                                  
       สิงคโปรไม่มีชุดประจำชาติเป็นของตนเอง เนื่องจากประเทศสิงคโปร์แบ่งออกเป็น 4 เชื้อชาติหลัก ได้แก่ จีน มาเลย์ อินเดีย และชาวยุโรป ซึ่งแต่ละเชื้อชาติก็มีชุดประจำชาติเป็นของตนเอง เช่น ผู้หญิงมลายูในสิงคโปร์ จะใส่ชุดเกบาย่า (Kebaya) ตัวเสื้อจะมีสีสันสดใส ปักฉลุเป็นลายลูกไม้ หากเป็นชาวจีน ก็จะสวมเสื้อแขนขาว คอจีน เสื้อผ้าซ่อนกระดุม สวมกางเกงขายาว โดยเสื้อจะใช้ผ้าสีเรียบหรือผ้าแพรจีนก็ได้้
การแต่งกายของไทย
                                  
       สำหรับชุดผู้หญิงคือ ชุดไทยจักรี เป็นชุดไทยที่ประกอบด้วยสไบเฉียง ใช้ผ้ายกมีเชิงหรือยกทั้งตัวซิ่นมีจีบยกข้างหน้า มีชายพกใช้เข็มขัดไทยคาด ส่วนท่อนบนเป็นสไบ จะเย็บให้ติดกับซิ่นเป็นท่อนเดียวกันหรือ จะมีผ้าสไบห่มต่างหาก็ได้ เปิดบ่าข้างหนึ่ง ชายสไบคลุมไหล่ ทิ้งชายด้านหลังยาวตามที่เห็นสมควรความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้าการเย็บและรูปทรงของผู้ที่สวยใช้เครื่องประดับได้งดงาม สมโอกาสในเวลาค่ำคืน สำหรับชุดผู้ชายคือ ใส่เสื้อพระราชทาน
การแต่งกายของเวียดนาม
                                    
       อ่าวหญ่าย เป็นชุดประจำชาติของประเทศเวียดนามที่ประกอบไปด้วยชุดผ้าไหมที่พอดีตัวสวมทับกางเกงขาวยาวซึ่งเป็นชุดที่มักสวม ใส่ในงานแต่งงานและพิธีการสำคัญของประเทศมีลักษณะคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน ในปัจจุบันเป็นชุดที่ได้รับความนิยมจากผู้หญิงเวียดนาม ส่วนผู้ชายเวียดนามจะสวมใส่ชุดอ่าหญ่ายในพิธีแต่งานหรือพิธีศพ
การแต่งกายของพม่า
                                     
       ลองยี เป็นชุดแต่งกายประจำชาติของประเทศพม่า โดยมีการออกแบบในรูปทรงกระบอก มีความยาวจากเอวจรดปลายเท้า การสวมใส่ใช้วิธีการขมวดผ้าเข้าด้วยกันโดยไม่มัดหรือพับขึ้นมาถึงหัวเข่าเพื่อความสะดวกในการสวมใส่









ผลกระทบด้านวัฒนธรรมการแต่งกายในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมรดกทางวัฒนธรรมประจำชาติที่เป็นของตนเองมาเป็นระยะเวลายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะไทย มารยาทไทย ภาษาไทย อาหารไทย และชุดประจำชาติไทยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนมีคุณค่า มีความงดงามบ่งบอกถึงเอกลักษณ์แห่งความเป็น "ไทย" ที่นำความภาคภูมิใจมาสู่คนในชาติ
           การแต่งกายของไทยโดยเฉพาะในยุครัตนโกสินทร์ซึ่งมีอายุยาวนานมากกว่า 200 ปีนั้น ได้มีวิวัฒนาการมาเป็นลำดับนับตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ตอนกลาง ยุคเริ่มการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศ ยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือ ยุค "มาลานำไทย" และ จนปัจจุบัน "ยุคแห่งเทคโนโลยีข่าวสาร"
           แต่ละยุคสมัยล้วนมีรูปแบบการแต่งกายที่เป็นของตนเองซึ่งไม่อาจสรุปได้ว่า แบบใดยุคใดจะดีกว่า หรือ ดีที่สุด เพราะวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรม ล้วนต้องมีการปรับเปลี่ยนบูรณาการไปตามสิ่งแวดล้อมของสังคมแล้วแต่สมาชิกของสังคมจะคัดสรรสิ่งที่พอเหมาะพอควรสำหรับตน พอควรแก่โอกาส สถานที่และกาลเทศะ
ในสมัยปัจจุบันนี้แนวการแต่งตัวของเด็กไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนนั้นอยู่มากหากย้อนอดีตไปการแต่งตัวของเด็กไทยจะอิงตามแฟชั่นกระแสหลัก หรือตามนักร้อง - นักแสดงที่โด่งดังราวกลับเดินออกมาจากปกเทปหรือนิตยสารแล้ว copy & paste  ออกมา ดูแล้วคล้ายสินค้าจากโรงงานผลิตเดียวกัน ทว่าตอนนี้  การแต่งตัวของเด็กไทยมีอยู่มากมายหลายแนวมากขึ้น มีความหลากหลายทางเทรนด์ให้เด็กไทยเราได้เอาตัวตนเข้าไปอิงในเทรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ รับอิทธิพลการแต่งตัวมาจากฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก  ทำให้เด็กไทยมีทางเลือกในการแต่งตัวที่มากขึ้น บางคนชอบแนวทางแต่งตัวจากฝั่งตะวันตก ก็จะแต่งตัวตามแบบตะวันตก บางคนชอบแนวทางแต่งตัวจากฝั่งตะวันออก ก็จะแต่งตัวตามแบบตะวันออก  มีแนวการแต่งตัวหนึ่งแนวที่อยากนำเสนอนั้นคือ  แนวการแต่งตัวของประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลี ตามกระแสความนิยมในญี่ปุ่นและเกาหลีเรื่องอื่นๆอีก เช่น การดื่มน้ำชาเขียว กินปลาดิบ เป็นต้น
กระแสความนิยมญี่ปุ่นและเกาหลีนั้นมีมาตั้งนานเกือบๆ 10 ปีแล้ว ในช่วงต้นๆ กระแสนี้ยังไม่แพร่หลายมากนัก จะมีแค่กลุ่มย่อยๆมากกว่า กลายเป็นกลุ่มที่มีลักษณะเพาะตัว เฉพาะบางข้อจำกัดเท่านั้นที่มีอำนาจในการเข้าถึงกระแสดังกล่าว  แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มย่อยๆนั้นกล่าวก็ได้ขยายวงกว้างออกไปจนทำให้มีผู้รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้กระแสความนิยมญี่ปุ่นและเกาหลีได้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วแล้ว
                การที่เด็กไทยนั้นได้รับอิทธิพลการแต่งตัวแบบเด็กญี่ปุ่นและเกาหลีนั้น ทำให้นั้นเกิดการเลียนแบบและพยายามทำตัวให้เหมือนเด็กญี่ปุ่นและเกาหลี เนื่องจากเกิดจากการเทียบทางวัฒนธรรม และต้องการเป็นในแบบที่เชื่อว่าอยู่ในวัฒนธรรมที่มีชนชั้นที่สูงกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้วการแต่งตัวของเด็กญี่ปุ่นและเกาหลีที่อยู่ในประเทศของต้นแบบนั้นจริงๆ นั้นมีการแต่งตัวที่มีสไตล์การแต่งตัวที่หลายหลายมากกว่าที่เด็กไทยประเทศไทยบริโภคอยู่มาก การที่เด็กไทยรับสไตล์การแต่งตัว มานั้น ยังถือว่าน้อยอยู่ในตอนนี้  เป็นแค่เพียงการเลียนแบบเฉพาะบางส่วน และค่อนข้างเป็นสภาวะไร้ราก กล่าวคือเป็นการ copy  ในส่วนของรูปแบบ แต่ไม่ได้ศึกษาถึงกระบวนการสร้างความเป็นญี่ปุ่นและเกาหลี อย่างไรก็ตามเด็กไทยก็มีแนวโน้มว่าจะรับเอาสไตล์การแต่งตัวของเด็กญี่ปุ่นและเกาหลีเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

การแต่งกายของวัยรุ่นในปัจจุบัน ถูกมองว่าน่าเกลียด ฝ่าฝืนจารีตประเพณี โดยเฉพาะการแต่งกายของวัยรุ่นหญิงที่นุ่งประโปรงสั้น ใส่เสื้อรัดรูป เกาะอก วัยรุ่นชายทำสีผม เจาะหู เจาะลิ้น เจาะคิ้ว ลักษณะการแต่งกายเหล่านี้อาจดูประหลาด ขัดหูขัดตาผู้ใหญ่ หลายคนอาจถามว่าวัยรุ่นไทยแต่งตัวเหมาะสมหรือไม่ ถูกกาลเทศะหรือไม่ เลียนแบบตะวันตกหรือไม่ ทำลายวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย ซึ่งเป็นการยอมรับวัฒนธรรมที่ผิดๆ  ของชาวต่างชาติเข้ามา  ในปัจจุบันเป็นปัญหาระดับชาติที่เราจะต้องนำมาคิดและพิจารณาว่าจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร  เยาวชนคือผู้ที่จะต้องรักษาวัฒนธรรมสืบต่อไป  จะเป็นอย่างไรถ้าเรารับแต่วัฒนธรรมที่ผิด  และลืมวัฒนธรรมของไทยเราเอง

ผลกระทบต่อการแต่งตัวของดาราไทยที่ส่งผลต่อวัยรุ่นไทย

             ส่งผลได้หลายด้านทำให้วัยรุ่นไทยนั้นประหยัดเงินค่าขนมเพื่อที่จะมาซื้อเสื้อผ้าและของแต่งตัวตามดาราไทยจนทำให้เงินที่จ่ายนั้นไม่พอจนต้องไปขอพ่อแม่เพิ่มแล้วก็ทำให้เสียการเรียนไปด้วยเพราะกว่าจะแต่งตัวมาโรงเรียนเสร็จก็ต้องแต่งหน้าเลียนแบบดาราก่อนกว่าจะได้
มาโรงเรียนก็สายกันพอดีและยังส่งผลกระทบต่อสังคมไทยด้วยอย่าง
เช่น การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นต้น เหตุนี้ก็เกิดมาจากการแต่งตัวแบบโป๊ๆ
ตามดาราไทยเป็นส่วนหนึ่งด้วยเพราะฉะนั้นเราควรที่จะแต่งให้พอดีพองาม
พอเหมาะแค่นี้ก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาสังคมได้แล้ว   
            การแต่งกายของวัยรุ่นไทยในปัจจุบันมักจะแต่งตัวเลียนแบบตามดาราซะส่วนใหญ่แต่การแต่งแบบนั้นทำให้เกิดเรื่องกับตัวคนที่แต่งได้เพราะดารา
มักจะแต่งตัวแบบเปิดเผยแต่ไม่หมดซึ่งการแต่ตัวแบบนั้นจะทำให้เพศตรง ข้ามรู้สึกมีอารมณ์แล้วก็จะทำให้เราเป็นอันตรายได้ซึ่งมันน่ากลัวมากแต่วัยรุ่นไทยก็ยังแต่งตัวตามดาราไทยอยู่ดีเพราะบางคนคิดว่าเป็นแฟชั่นแต่งไปแล้วคงจะดูดี สวย เท่ แต่ไม่รู้เลยว่ามันอาจจะเกิดอันตรายกับผู้แต่งได้เราเป็นวัยรุ่นก็จริงแต่เราอยู่ในช่วงของวัยเรียนเราควรแต่งแบบพอดีไม่ต้องแต่งเวอร์จนเกินไปที่ดาราแต่งแบบนั้นได้เพราะมันเป็นอาชีพของพวกเขาที่จะต้องแต่งตัวแบบนั้นเพราะฉะนั้นเราควรที่จะแต่งตัวแบบพอดี